ในปี 2023 มีการเปิดตัวรถไฟฟ้า EV มาหลากหลายค่าย ไม่ว่าจะ ญี่ปุ่น ยุโรป หรือค่ายจากจีน ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย เกิดการแข่งขันทางด้านราคาและคุณภาพ ก็เป็นผลดีกับผู้บริโภคที่จะหันมาใช้รถไฟฟ้า ประหยัด และรักษ์โลก ซึ่ง รถEV ที่แพร่หลายในไทยตอนนี้มี HEV , PHEV , BEV แล้วประเภทไหนเหมาะกับใคร เลือกใช้ประเภทไหนดี ซื้อรถไฟฟ้าคุ้มไหม?
หากใครยังไม่รู้ว่า รถยนต์ไฟฟ้า EV แต่ละประเภทแตกต่างกันยังไงอ่านได้ที่: รถยนต์ไฟฟ้า EV มีกี่ประเภท? ต่างกันยังไง?
1. HEV (Hybrid Electronic Vehicle)เหมาะกับกลุ่ม “อยากลองรถใช้ไฟฟ้าแต่ยังเน้นสะดวกในการเดินทาง ไม่ต้องกังวลเรื่องชาร์จ และได้พละกำลังและสมรรถนะรถที่ดีเยี่ยม และประหยัดกว่ารถน้ำมัน ใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมืองสบายหายห่วง บางรุ่นสามารถขับ ev 100% ได้แต่ก็ระยะทางสั้นเกินไป เพราะแบตลูกเล็ก ความประหยัดขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันช่วงนั้นเลย และยังมีเรื่องค่าบำรุงรักษารถต์(MA)อยู่ในการถ่ายน้ำมันเครื่องต่างๆ เพราะฉนั้นถ้าเป็นคนไม่ชอบวางแผนการเดินทางทำงานแข่งกับเวลา เวลาเดินทางไกลก็มักจะยิงยาว แวะปั้มเติมน้ำมันพัก 5-10 นาทีไปต่อ ประหยัดใช้ได้ กำลังมาเต็มขับสนุก ตอบสนองทันใจ รถประเภทนี้เป็นคำตอบของคุณ
2. PHEV (Plug-in Hybrid Electronic Vehicle)สำหรับใครที่ลังเลระหว่างซื้อรถไฟฟ้า BEV ก็กังวลเรื่องสถานีชาร์จ หรือจะซื้อรถ Hybrid ก็เสียดายค่าน้ำมัน อยากใช้รถไฟฟ้าขับในเมืองจะได้ไม่ต้องเติมน้ำมัน รถ PHEV อาจเป็นคำตอบ เพราะรถ PHEV สามารถเลือกใช้ EV Mode(ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงาน) ไม่ต้องใช้น้ำมันช่วยขับเคลื่อน และPhev มีแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า Hybrid ธรรมดา สามารถเดินทางได้ 50-70 Km. ต่อการชาร์จแบต 1 ครั้ง อีกทั้งสามารถเสียบปลั๊กชาร์จแบตเตอรี่ได้ หรือจะวิ่งทางไกลก็สบายไม่ต้องกังวลสถานีชาร์จ เพราะสามารถใช้น้ำมันเป็นพลังงานขับเคลื่อนได้ด้วย
3. BEV (Battery Electronic Vehicle)รถ BEV เหมาะกับใคร? เป็นรถที่ อะไหล่ในการบำรุงรักษาน้อย ไม่ต้องถ่ายของเหลว ไม่ต้องเติมน้ำมัน ค่าไฟถูกกว่าค่าน้ำมันเยอะมาก!!! แต่เดินทางไกลอาจจะต้องวางแผนหาที่ชาร์จแบตเตอรี่สักหน่อย และสิ่งที่ต้องคำนึงมากที่สุดคือ รถชน รถเสีย ซ่อมที่ไหน? อะไหล่รถรอนานไหม? ถ้ารถซ่อมนานมีรถสำรองใช้หรือเปล่า ถ้าเรามีรถใช้สำรองระหว่างรอซ่อม รออะไหล่ก็คงไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเราไม่มีรถสำรองตัวเลือกรถ BEV อาจจะต้องพิจารณาเป็นพิเศษว่าเหมาะกับเป็นรถคันแรกไหม ส่วนเรื่องที่ชาร์จเวลาเดินทางไกล ปัจจุบันมีสถานีชาร์จกระจายทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง! ถ้าเราวางแผนการเดินทาง สบายใจหายห่วงเรื่องนี้ได้เลย (อ้างอิง: สถานีชาร์จรถ EV )
4. FCEV (Fuel cell Electronic Vehicle)รถ FCEV อาจจะยังไม่เหมาะในประเทศไทยในตอนนี้ เพราะยังอยู่ในช่วงวิจัย ทดลอง พัฒนา และ มีค่าเก็บรักษา ค่าขนส่งไฮโดรเจน ที่ค่อนข้างสูง โดยปัจจุบันมีสถานีชาร์จเพียงที่เดียวคือสนามบินอู่ตะเภา จังหวัดชลบุรี ซึ่งกำลังทดลองวิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารที่สนามบิน แต่ถือได้ว่ารถ FCEV เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในอนาคต เพราะใช้ระยะเวลาในการเติมเชื้อเพลิงเพียงแค่ 5 นาที ขณะที่รถ BEV ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่ขั้นต่ำ 20 นาทีขึ้นไป
วันนี้ทุกคนคงได้รู้แล้วว่า ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคุณเหมาะกับรถประเภทไหน ชั่วโมงเร่งด่วน รถแรง เดินทางสะดวก ก็ไป Hev หรือ แรง เดินทางสะดวก ใช้ฟ้าฟ้าระยะสั้น ก็ไป PHEV แต่ถ้าต้องการประหยัดแบบสุดๆ แต่ทำชีวิตให้ช้าลง วางแผนก่อนการเดินทางก็ไป BEV รับรองคุ้มและประหยัดแน่นอน และที่สำคัญลดมลพิษ ลดโลกร้อน
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ ในการช่วยตัดสินใจในการเลือกซื้อรถ EV เพื่อเป็นรถคันแรก หรือรถคันที่สองของบ้าน และติดตามบทความเราได้ที่อีก เจอกันรอบหน้าจะไปดูว่าเราจะชาร์จที่ไหน มีตู้ชาร์จเพียงพอไหม แล้วเทศกาลจะแย่งกันชาร์จหรือเปล่า? ตามอ่านกันได้เลยที่: สถานีชาร์จรถ EV 2023
สอบถามประกันชั้นหนึ่งรถ EV ได้ที่นี่เลย